โรคในกระบองเพชร แคคตัสเป็นอะไร สารพัดปัญหาที่เกิดกับกระบองเพชร พร้อมรูปประกอบ



รวมประสบการณ์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแคคตัส
กระบองเพชรมีแผล กระบองเพชรมีจุดดำ กระบองเพชรมีคราบ กระบองเพชรผิวสีน้ำตาล
ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ที่เจอเองแก้เอง อาจจะผิดถูกแบ่งปันความคิดเห็นกันได้นะคะ



1. น้องแอสโตรฟีบ 
ตอนเริ่มเลี้ยงครั้งแรกเลยสั่งซื้อมาจากร้านกระบองเพชรร้านนึง
จะเห็นน้องแอสโตรมีรอยขีดๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นรอยหนังสือพิมพ์รัดเค้าเพราะเป็นการส่งมาพร้อมกระถาง ปรากฏว่าน้องฟีบขึ้นเรื่อยๆ ก็หาวิธีในเน็ตบอกให้ลองรดน้ำ ถ้าไม่ดีขึ้น ให้รื้อรากออกมาดู
รดน้ำแล้วน้องก็ยิ่งฟีบเลยรื้อรากออกมาดู


ออกรื้อออกมาเป็นแบบนี้ (**ไม่มีรูปตอนรื้อแอสโตร รูปด้านล่างจะเป็นต้นอื่นที่ซื้อมาพร้อมกัน)




ส่งรูปให้ทางร้านดู ร้านบอกว่ารา ให้เอาดินทิ้งเปลี่ยนดินใหม่
ผลปรากฎคือน้องดีขึ้น แต่ผิวเค้าก็ไม่กลับมาดึงสวยเหมือนปกติได้ ถึงทุกวันนี้ผิวน้องก็ยังเป็นเส้นๆอยู่


จากการเลี้ยงแอสโตรต้นอื่น ทำให้เข้าใจว่าแอสโตรเป็นต้นที่ต้องการน้ำมากกว่าพันธุ์อื่นๆ เช่น ยิมโน เมโล ขนนก ขนแมว โลโฟ  วิธีสังเกตคือให้ดูที่ผิวเค้าว่าเริ่มขึ้นขีดหรือไม่ ถ้าเริ่มนิดเดียวก็ต้องเพิ่มน้ำ อาจจะเพิ่มปริมาณหรือความถี่ในการรด เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นเค้าฟีบ

อันนี้เป็นเป็นแอสโตรอีกต้นที่ฟีบตั้งแต่ได้มาเลย ที่ร้านบอกว่าน้องไม่โตเลย


พอได้มาจะเห็นเป็นตาแก้วมังกร 2 ข้อ เลยดึงข้อล่างออกปรากฏว่าพอรากออก น้องตึงขึ้น โตขึ้น ผิวสวย
แบบนี้


เทอบิก็ฟีบได้เหมือนกันค่ะ ลองสังเกตที่โคดต้นขวาจะมีรอยขีด

2.จุดดำที่ต้นแคคตัส ยิมโนด่างไม้เมล็ดตอนนี้สั่งมาได้อาทิตย์เดียวก็ขึ้นจุด จากการสอบถามผู้รู้ในกลุ่มคนสอบถามพูดคุยแคคตัส มันคือโรคแคงเกอร์ ซึ่งต้องแยกห่างจากต้นอื่น ต้องแคะออกแล้วทาปูนแดง


เราก็รีบแคะออก แต่ไม่ได้ทาปูนแดง ผลปรากฏว่าแผลเค้ากลับใหญ่ขึ้น
ตอนนั้นด้วยความมือใหม่กลัวเค้าตาย เลยไปสั่งซื้อยาทุกชนิด ทั้งยากันรา ยาบำรุงราก ยาเร่งราก ผงอลู ปูนแดง
คนขายถามว่าเอาไปทำอะไร  เราก็ส่งให้เค้าดู เค้าบอกต้องหาสาเหตุก่อนว่าเป็นอะไร แล้วถ้าเราเลี้ยงแคคตัสให้แข็งแรงเค้าก็จะไม่เป็นอะไรเลย
ทำให้คิดได้ว่า เออ จริงด้วย เลี้ยงยังไงให้แข็งแรงไม่ต้องใช้ยาดีกว่า

จากที่เคยเลี้ยงในที่ที่โดนแต่แดดเช้าและอากาศไม่ค่อยถ่ายเท เลยย้ายเค้าไปวางที่โดนแดดมากขึ้น อากาศถ่ายเทขึ้น คิดไปเองว่าแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค (ไม่รู้จริงรึเปล่า 5555)  ผลปรากฏคือแผลไม่ลาม แถมเค้ายังโตไวกว่าต้นอื่นอีกด้วย รูปตอนนี้


3.คราบที่โคนต้นแคคตัส

คราบเท่าที่เห็นจะมี 2 แบบ คือคราบฝังเหมือนเป็นเนื้อเค้าเลย กับคราบแบบขูดออกได้

อย่างแรก คราบแบบฝังส่วนใหญ่จะเป็นเพราะความชื้นที่ดิน มักจะเกิดตรงก้น ถ้ามันอยู่ตรงก้นไม่ได้ลามขึ้นมา ต้นไม่นิ่ม พวกนี้ไม่อันตรายอะไรค่ะ

อย่างสองคราบแบบขูดออกได้ อันนี้ระวังนะคะอาจจะเป็นได้ทั้งจากคราบจากปุ๋ย หรือน้ำที่เรารด หรือ เพลี้ยค่ะ

  • คราบที่เกิดจากปุ๋ยหรือน้ำที่เรารด จะมีลักษณะเหมือนคราบน้ำ เลี่ยงได้ด้วยการลดน้ำไม่ให้โดนต้นค่ะ อาจจะลดตรงหิน หรือจุ่มกระถางลงไปในน้ำ
  • คราบเพลี้ยพวกนี้อันตราย จะดูดน้ำเลี้ยงของต้นไม้ เพลี้ยหอยจะสีน้ำตาลๆเป็นจุด เพลี้ยแป้งจะมีลักษณะคล้ายแป้งเลยค่ะ เป็นผงๆเล็กๆ ถ้าพบว่าเป็นเพลี้ยต้องขูดเอาเพลี้ยออกก่อน เวลาขูดให้ขูดเบาๆอย่าไปกดผิวไม้นะคะ อาจจะใช้พู่กันหรือแปรงสีฟันปัดออกได้ค่ะ  ถ้าเป็นไม่มากให้ปัดทิ้งแล้วรดน้ำด้วยน้ำผสมน้ำยาล้างจาน อาจจะเพิ่มความแสบร้อนด้วยการผสมผริกหรือผสมกระเทียมเพิ่มค่ะ รดลงดินเพื่อไปฆ่าเพลี้ยที่อาจจะลงไปในดิน  (สูตรนี้เอามาจากวิธีกำจัดเพลี้ยที่ใบต้นมะนาวค่ะ) ระวังมือด้วยนะคะ มือจะแสบร้อนได้ค่ะ


4.ต้นแคคตัสนิ่ม 
จากประสบการณ์ต้นนิ่มจะมาจาก 2 อย่าง

อย่างแรกคือ หิวน้ำ อันนี้จะเป็นกับพวกโลโฟ หรือคางคก หน้าต้นเค้าเริ่มนิ่มกว่าปกตินิดๆให้รดน้ำได้

อย่างสองคือน้ำมากไป ประเภทนี้ถือว่าอันตรายมาก ต้นเค้าจะนิ่มแบบเน่าคือสีเค้าจะเริ่มเปลี่ยนเป็นออกน้ำตาลๆเหมือนเวลาเราเอากิ่งไม้ไปแช่น้ำนานๆ ปกติที่ทำคือจะงดน้ำเค้าทันที วางหลบแดด แต่ต้องเป็นที่อากาศถ่ายเทไม่ชื้น ผลคือเค้าตรงที่เน่าจะเริ่มแข็งขึ้นแล้วกลับมาเป็นปกติได้ ทำได้จริงๆ ทำมา 2-3 ต้นแล้ว แต่จะใช้ได้กับต้นที่เพิ่งเริ่มเน่าตรงโคน ส่วนต้นที่เน่าไปเกินครึ่งต้นแล้วยากที่จะกลับมาปกติ
ดังนั้นใครไม่อยากเสียไม้ไป ต้องอย่ารดน้ำเค้าบ่อยเกิน แคคตัสเค้าขาดน้ำได้เค้าไม่ตาย แต่ถ้าน้ำมากเกินเค้าตาย แต่ถ้าเรายังกะการรดน้ำไม่ได้ให้หมั่นสังเกต ความผิดปกติ จับต้นเค้าดูบางเพราะบางต้นเวลาเน่าสีไม่เปลี่ยนเลยแต่ปรากฏเน่าถึงหัวแล้ว

การเน่าอีกแบบคือไปปาดเค้าค่ะ อย่างต้นนี้ลองใช้มีดไปสกิตโคนต้นเค้าออกเพราะคิดว่าเค้าเบียดกันเกินไปค่ะ ปรากฏเค้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเน่าตามรูปค่ะ


5. แคคตัสผิวไหม้

จะเห็นว่าสีซีดออกโทนน้ำตาล มีจุดดำๆเล็กๆ หยัก


รูปแรกปกติ รูปหลังแดดเริ่มแรงไปแต่ไม่อันตราย




พวกนี้เกิดจากแสงแดดแรงเกินไป คือได้รับแดดนานเกินไปหรือได้รับแดดตรงๆไม่มีอะไรพรางแสง
เราควรเลี้ยงในที่ร่มขึ้นโดยอาจหาผ้าหรือสแลนพรางแสง หรือเลี่ยงการวางในที่ที่โดนแสงแดดช่วงบ่ายโดยตรง
หลายครั้งอาการจะผสมกับการขาดน้ำ มีลักษณะแห้ง ฟีบลง บั้งบางลงเมื่อไหร่ ให้นำเค้าเข้าร่มแล้วค่อยๆเพิ่มน้ำให้เค้าจนกลับมาเขียวแล้วออกแดดใหม่ แต่ให้เลี้ยงในที่แดดน้อยกว่าเดิมค่ะ ไม่งั้นเค้าอาจจะแห้งตายได้เช่นกัน แต่ยากกว่าการที่เน่าตายค่ะ ส่วนตัวยังไม่เคยเลี้ยงแล้วแห้งตายเพราะเราจะเห็นก่อนแล้วแก้ทัน

ถ้าเป็นแอสโตร แอสโตรจะขึ้นขอบขาว เกิดจากการที่ได้รับแสงแดดมากเกินไป หรือไหม้แดดนั่นไงเอง ตลอดลดแสงโดยการหาสแลนพรางหรือย้ายตำแหน่งการวาง





7.จุดน้ำตาลที่แคคตัส 
เท่าที่ทราบจะมีแบบลามและไม่ลาม อันนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่เคยอ่านเจอว่าเป็นเพราะความชื้น
ปกติถ้าน้องขึ้นจุดน้ำตาล จะแยกเค้าออกจากต้นอื่นเป็นอย่างแรกค่ะ ลดน้ำ แล้วก็ไว้ที่แดดส่องดีโดยเฉพาะแดดเช้ารับเต็มๆ (ใช้ความเชื่อเดิมว่าแสงแดดฆ่าเชื้อค่ะ 555 ถ้าใครทำตามแล้วตายอย่ามาโทษกันนะคะ) ส่วนใหญ่พอย้ายแล้วก็จะไม่ลามอะไร น้องเค้าก็จะแข็งแรงขึ้นเองค่ะ


8.น้องแคคตัสปริ
อันนี้ไม่ใช่ประสบการณ์โดยตรง แต่เห็นคนชอบถามในกลุุ่มหรือตามแฟนแพจค่า
ต้นเค้าปริ สาเหตุมาจากการได้รับปุ๋ยที่มากเกินไปค่ะ ปริแล้วปริเลยแก้ผิวไม่ได้ ก็แค่ต้องระวังว่าอย่าให้ปุ๋ยมากเกินไปค่ะ

9.แคคตัสยืด
ถ้ายืดชัดๆเลยก็พวกต้นที่เป็นทรงกลมกลับเป็นทรงสูง แต่บางต้นมือใหม่อาจจะดูไม่ค่อยออกเช่นตอบลูแบบนี้ก็ถือว่ายืดค่ะ วิธีแก้คือเราต้องให้แดดมากขึ้น แต่ห้าม!!ย้ายไปโดนแดดเลยทันที ต้องเทรนแดดคือค่อยๆเพิ่มชั่วโมงแดดมากขึ้น และอย่าลืมว่าแคคตัสไม่ชอบแดด 100 ดังนั้นต้องหาอะไรพรางแสงค่ะ ถ้าไม่มีจริงๆให้วางไว้ในมุมที่ได้รับแดดเช้าให้มากที่สุดและพยายามเลี่ยงการได้รับแดดบ่ายโดยตรง

10.แคคตัสโตช้า
กระบองเพชรโตช้าทั้งๆที่ไม่ใช่ต้นด่างมีหลายสาเหตุค่า เช่น การได้รับน้ำหรือแสงแดดที่ไม่เพียงพอทำให้เค้าชงักการเจริญเติบโต หรือโตแต่ก็โตช้า
กระถางมีผลต่อการเจริญเติมโตของแคคตัสที่ใช้ก็มีส่วนเช่นถ้าลองเลี้ยงในกระถางพลาสติกกับกระถางปูนหรือดินเผาพบกว่าเลี้ยงในพลาสติกจะโตไวกว่า
แคคตัสเลี้ยงรวมโตไวกว่า เท่าที่ลองนำแคคตัสพันธุ์ยิมโนคาลิเซียมมาปลูกรวมๆในกระถางเดียวพบว่าเค้าโตไวกว่าปลูกแยกค่ะ



11. สัตว์อะไรเป็นอันตรายต่อแคคตัส
แมว น้องแมวเค้าไม่ได้ทำร้ายแคคตัสโดยตรงค่ะ เค้าแค่จะเดินชนบ้าง ทำกระถางล้มบ้างอะไรบ้างค่ะ
หมา น้องหมาก็คล้ายๆกับเนื้อแมวค่ะอาจจะมีชนบ้าง แต่ส่วนใหญ่เค้าไม่ได้จะกัดแคคตัสหรืออะไรค่ะ
เต่า น้องเตาเค้ากินค่ะ กินแคคตัสบางพันธุ์
กระรอก กระรอกก็กัดแคคตัสค่ะ ยิ่งต้นเล็กๆหรือต้นที่เพิ่งย้ายกระถางที่รากยังไม่เกาะกระถางมาก น้องกระรอกเอาไปเลยก็มี
หนอน กินค่ะ เห็นตัวเล็กๆกินจุมาก ทิ้งไว้วันนึงต้นแหว่งไปครึ่งต้นก็มี
แมงมุม เท่าที่สังเกต ไม่ได้ทำอะไรต้นไม้ แต่ว่าจะสร้างใยค่อนข้างเกะกะต้นไม้ค่ะ
หนู น้องมิกกี้นี่เป็นสัตรูอันตรายของแคคตัวเลยค่ะ กัดแคคตัสเสียหมดค่ะ
ผึ้ง เท่าที่ดูไม่ได้ทำอะไร ก็จะมีมาช่วยผสมเกษรค่ะ
มด มดตัวดีค่ะ เอาเพลี้ยมาด้วยค่ะ ควรจะกำจัด


สุดท้ายแคคตัสเค้าก็เป็นพีชชนิดนึงค่ะ เลี้ยงเค้าเป็นต้นไม้ มีแผล มีตายเป็นเรื่องปกติค่ะ ถ้าเราไปยึดติดมากๆ ไปยุ่งกับเค้ามากเกิน เราก็จะเครียดเปล่าๆค่ะ


สนใจเข้าร่วมกลุ่มมือใหม่หัดรักกระบองเพชร เพื่อสอบถามแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับมือใหม่
ในไลน์ได้ที่
"มือใหม่หัดรักกระบองเพชร แคคตัสเลิฟเวอร์". 
หรือกดลิ้งค์

สนใจซื้อกระบองเพชรได้ที่ 
https://shpe.page.link/13PdkNS5E8LmLt8f7


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

LB2178แท้ ไม่แท้ดูยังไง

เมล็ดแคคตัส เรื่องของฝัก ฝักสุกรึยังดูยังไง เด็ดได้ตอนไหน